6.เทคโนโลยีกับท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวกับการมีสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว ก็สามารถที่จะท่องเที่ยวได้เกือบทั่วทั้งโลกนั้นไม่ใช่เป็นนิยายอีกต่อไปแล้ว
แต่มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีในสมาร์ทโฟนหรือในแท็บเล็ตมันทำได้มากกว่าที่เราคาดคิดมาก
และนำความสะดวกสบายในการท่องเที่ยวเข้ามาเมื่อเราใช้มันเป็น
เช่นการใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในการนำทางเมื่อเราหลงทางเมื่อเราท่องเที่ยวในที่ต่างถิ่นหรือไม่ได้อยู่ในโปรแกรมกำหนดการท่องเที่ยว
เพียงมีสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในการเปิด (Google Map) เราก็สามารถออกจากสถานที่ที่เราหลงได้ นอกจากนี้แล้วเรายังสามารถใช้สมาร์ทโฟนในการเลือกจองที่พักท้องถิ่นได้ผ่านบริการออนไลน์หรือในแอปพลิเคชั่นที่ทางโรงแรม
หรือบ้านคนท้องถิ่นให้บริการเพียงแค่เรากดสั่งจองที่พักที่เราถูกใจ
เลือกจ่ายเงินและเราก็เข้าไปพักได้เลย โดยไม่ต้องเดินเข้าไปถามเองหรือห้องพักที่เราเข้าไปถามนั้นอาจจะเต็มได้
ทำให้เรามีเวลาท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้นเท่าตัวเพราะคลายกังวลเรื่องที่พักได้ ต่อมาเรื่องอาหารในสถานที่ท่องเที่ยว
ถ้าเราไม่อยากเสียเวลาหาร้านอาหารอร่อยๆที่มีบริการอย่างมากมายในที่สถานท่องเที่ยว
ก็สามารถเลือกดูร้านอาหารที่ถูกใจในสมาร์ทโฟน
เพื่อหาร้านอาหารใกล้เคียงและกดจองโต๊ะออนไลน์ได้เลย
และเข้าไปนั่งโดยไม่ต้องเสียเวลารอคิวในกรณีที่บางร้านนั้นมีลูกค้าเป็นจำนวนมากเพื่อไม่ให้เสียเวลาอันมีค่าของเราไปกับการนั่งรอทานอาหารเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้แล้วร้านอาหารบางร้านเปิดบริการชำระเงินค่าอาหารผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ที่รองรับเทคโนโลยี ( NFC ) หรือผ่านการเชื่อมต่อ Ewalletกับ บัตรเครดิตของเรา
และจ่ายเงินได้เลยทันที่ที่เรานำเครื่องสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของเราวางบนเครื่องรับการชำระเงินของทางร้าน
ข้อดีของการชำระเงินด้วยวิธีนี้ก็คือ เวลาที่เราลืมกระเป๋าสตางค์มาจากที่พัก
ก็สามารถชำระเงินด้วยวิธีนี้ได้เลย ยกเว้นบางร้านที่ยังไม่รองรับเทคโนโลยีเหล่านี้
ก็ต้องทำใจให้เพื่อนร่วมทางจ่ายให้ไปก่อน และจ่ายเงินคืนเพื่อนที่หลัง
เพื่อให้เราจำไว้ว่าอย่าลืมกระเป๋าเงินอีก เพราะทุกที่ที่เราไปต้องใช้เงินสดเกือบทั้งหมด
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เทคโนโลยีช่วยในเรื่องการท่องเที่ยวของเราได้อย่างราบรื่นและช่วยให้การท่องเที่ยวของเราสะดวกสบายและสนุกสนานมากยิ่งๆขึ้นไปอีก
7.เทคโนโลยีกับการถ่ายรูป
การถ่ายรูปไม่ใช่เรื่องของกล้อง (DSLR) ตัวใหญ่ที่ทำได้เพียงอย่างเดียวหรือเป็นเรื่องไกลตัวเราอีกต่อไปแล้ว
เพราะเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันที่กล้องถ่ายรูปได้ถูกย่อส่วนมาเป็นกล้องคอมแพค (Compact) และกล้อง (Mirror less) และด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นไม่ได้มีเพียงแต่กล้องที่ถ่ายรูปได้
แต่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตก็ถูกสร้างมาตั้งแต่แรกเพื่อให้ถ่ายรูปได้เช่นกัน
และนับวันเทคโนโลยีการถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนั้นเป็นที่นิยมทั่วโลกมากกว่ากล้องถ่ายรูปเสียแล้ว
เพราะมีการใช้งานที่ครบครันและสะดวกต่อการถ่ายภาพ
และคุณภาพที่ถ่ายด้วยกล้องของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตนั้นมีคุณภาพที่ทัดเทียมกับกล้องถ่ายรูปจริงๆ
หรืออาจจะสวยกว่าด้วย
เพราะมีแอบพลิเคชั่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อที่สนับสนุนการถ่ายภาพและตกแต่งภาพได้เลยเมื่อถ่ายเสร็จ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อตกแต่งรูปภาพผ่านโปรแกรมโฟโตช็อปอีก
นอกจากบางรูปเท่านั้นที่จำเป็นต้องตกแต่งผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อให้ภาพที่ถ่ายได้รับการแก้ไข
ดัดแปลงให้สวยงามมากยิ่งๆขึ้นไปอีก ต่อมาเมื่อได้รูปที่ถ่ายจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตแล้วก็สามารถนำไปลงในโลกออนไลน์ได้เลย
โดยไม่ต้องทำผ่านคอมพิวเตอร์เหมือนเมื่อก่อน นอกเสียจากว่าเป็นไฟล์ภาพ( RAW )ที่มีขนาดใหญ่มากๆที่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตอาจจะยังไม่รองรับ
เช่นภาพถ่ายที่ได้จากกล้อง (DSLR)
ซึ่งจะมีไฟล์ของภาพขนาดใหญ่เพราะว่าภาพที่ได้จากกล้อง DSLR จะมีความคมชัดและมีคุณภาพสูงมากๆ ซึ่งต้องใช้คอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเก็บรูปภาพและตกแต่งรูปภาพให้สวยงามมากยิ่งๆขึ้น
นอกจากนี้ในปัจจุบันเทคโนโลยีของ กล้องถ่ายรูป DSLR
ก็ถูกออกแบบให้มีความสามารถและฉลาดในการทำงานมากยิ่งๆขึ้น เช่น กล้อง DSLR บางรุ่นนั้นรองรับ wifi หรือ Bluetooth เพื่อให้ผู้ใช้กล้อง DSLR สะดวกสบายมากยิ่งๆขึ้นในการนำภาพลงอุปกรณ์
ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือ สมาร์ทโฟน ก็ตาม เมื่อกล้อง DSLR และอุปกรณ์ที่ทำการเชื่อมต่อกันแล้วเมื่อถ่ายภาพจากกล้อง
DSLR ก็กดแชร์รูปได้เลย โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสาย USB ให้ยุ่งยาก นอกจากกล้อง DSLR จะทำได้แล้ว กล้อง Mirror lessก็ไม่น้อยหน้าอีกด้วยเพราะว่าทำได้เหมือนกล้อง DSLR เกือบทุกอย่างยกเว้นแต่ไม่มีกระจกมองเหมือนกล้อง DSLR เท่านั้น
นี่ทำให้เห็นว่าเทคโนโลยีทำให้การถ่ายรูปหลุดกรอบความจำกัดของกล้องถ่ายรูปไปเสียแล้ว
เพราะอุปกรณ์เกือบทั้งหมดถ่ายรูปได้
แต่กล้องถ่ายรูปก็ไม่ได้หมดความสำคัญไปเสียทีเดียว
เพราะว่างานบางอย่างที่ละเอียดอ่อนและต้องการคุณภาพของภาพสูงๆก็ยังคงต้องพึ่งพาความสามารถของกล้อง
DSLR อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
8.เทคโนโลยีกับความบันเทิง
ความบันเทิงคือสิ่งที่มนุษย์ต้องการใช้ต้องพึ่งพามันเพื่อให้ได้ซึ่งความสุขและเสียงหัวเราะ
แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปเข้าสู่ยุคที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูง
ความบันเทิงต่างๆก็ได้ถูกนำมาลงในโลกออนไลน์
เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความบันเทิงนี้ได้ ผ่านอุปกรณ์ที่มี เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ผ่านคอมพิวเตอร์
หรือแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน เมื่อเชื่อมตัวกับ อินเตอร์เน็ต
เมื่อทุกอย่างอยู่ในโลกออนไลน์ง่ายต่อการค้นหา
ง่ายต่อการเข้าถึงทุกคนที่ต้องการความบันเทิงก็ต้องเข้าไปหามัน
ในเมื่อสิ่งบันเทิงต่างๆถูกเก็บไว้ในรูปแบบของ ไฟล์วิดีโอ ไฟล์เพลงหรือ mp3 ก็จะสามารถที่จะนำมาฟังมาดูเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ
และปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีความต้องการดู TV น้อยลงไปเสียแล้วหรือบางคนไม่ต้องการ TV เลย เพราะมีเพียงแค่สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต
คอมพิวเตอร์ก็เข้าไปดูสิ่งที่ตนเองต้องการได้แล้ว ทำให้ยอดขาย TV น้อยลง แต่ว่าด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ TV ธรรมดาๆเครื่องหนาๆ จอเล็กๆ ถูกปรับเปลี่ยนเป็น TV จอแบบขนาดใหญ่มาก และมีจอที่บางมาก แต่ TV บางรุ่นมีความโค้งเพื่อตอบสนองอรรถรสในการดูสิ่งบันเทิงไม่ว่าจะเป็นหนังหรือว่าจะเป็นเพลงก็ตาม
แต่ TV ในปัจจุบันไม่ได้ทำได้เพียงแต่ดูหนังเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว
เพราะ TV แบบใหม่ เราเรียกมันว่า Smart TV ซึ่งทำได้หลายๆอย่าง เช่น ใช้ TV
เข้าเว็บไซต์
ใช้ TV ดู YouTube หรือแม้กระทั่งใช้ TV เล่นเกมส์ออนไลน์ก็ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ TV ในปัจจุบันก็ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถเชื่อมต่อกับ
อุปกรณ์ไร้สาย เช่น สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ตซึ่งเราต้องการให้คนอื่นดูด้วย
ก็แชร์ความบันเทิงนี้ลง Smart
TV ได้เลย
หรือแม้กระทั่งใช้ Smart
TV นำเสนองานก็มีด้วยเช่นกันและกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
แต่คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันชอบความบันเทิงในอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ทโฟน หรือใน
แท็บเล็ตมากกว่า เพราะSmart
TV เหมาะแก่การดูอยู่ที่บ้านเพียงเท่านั้น
นี่คือสิ่งที่ทำให้เห็นว่าเทคโนโลยีกับความบันเทิงเข้ามามีบทบาทกับคนเราเป็นอย่างมาก
9.เทคโนโลยีกับการศึกษา
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีเพื่อการศึกษานั้นมีการแข่งขันกันสูงมากพอๆกันกับการใช้เทคโนโลยีด้านอื่นๆเลยทีเดียวและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษานี้เริ่มมีอย่างแพร่หลายมากขึ้น
ตั้งแต่ในเมืองใหญ่ไปจนถึงเมืองเล็กๆที่ห่างไกลก็สามารถที่จะเข้าถึงเทคโนโลยีด้านการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันอย่างเช่นเริ่มมีอุปกรณ์ให้เด็กนักเรียนหรือนักศึกษาใช้ในการศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองเช่นแท็บเล็ตพีซีการสอนทางไกลผ่านวิดีโอคอลจากครูผู้สอนถึงนักเรียนนักศึกษาดังนั้นไม่ว่าใครอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าถึงการศึกษาในโลกออนไลน์ได้เพียงแค่มีอุปกรณ์และการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเราจะเห็นว่านอกจากนี้การสมัครเรียนต่างๆก็เปิดให้สมัครผ่านระบบออนไลน์เกือบทั้งหมดเพื่อให้นักเรียนและนักศึกษาสะดวกสบายมากยิ่งๆขึ้นและไม่ต้องเดินทางมากรอกใบสมัครเองนอกจากนี้ยังมีการส่งงานของนักเรียนนักศึกษาในรูปให้ครูหรืออาจารย์ผ่านไฟล์ต่างๆเป็นต้นและเทคโนโลยีด้านการศึกษานี่เองได้เปิดโลกทัศน์ของนักเรียนและนักศึกษาให้มีความรู้ความสามารถทัดเทียมกับนักเรียนและนักศึกษานานาชาติด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น