วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 2 เมื่อได้พบพ่อกับแม่


เมื่อมาถึงป้ายที่กระเป๋ารถเมล์บอก ก็กดกริ่งให้กับผม ผมมายืนรอที่ประตู  เอี๊ยดเสียงเบรครถเมล์จอดที่ป้าย ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก พรึ่บ ทำให้ผมเห็นในหน้ามีรอยยิ้มของใครคนหนึ่งที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต นั่นก็คือแม่ได้ยืนรอผมอยู่ แล้วน้ำตาไหลออกมารีบวิ่งเข้าไปกอดแม่อย่างไม่อาย เพราะคิดถึงแม่มากและความหวังของผมก็เป็นจริงแล้วคือการได้พบพ่อกับแม่แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว หลังจากแม่กับพ่อ ให้ผมอยู่ต่างจังหวัดมาอย่างยาวนานก็ไม่ได้พบท่านอีกเลย เพราะระยะทางที่ห่างไกลกันมาก จำได้ว่าตอนเป็นเด็กอายุ7 ขวบ นั้นผมนั่งมองที่ริมถนนทุกวันเลยและเฝ้าคอยอย่างมีความหวังว่าแม่ของผมจะกลับมาหา ปีแล้วปีเล่าผมเริ่มชินกับความคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน การมองทางแบบไร้จุดหมายแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลอีกแล้วและต้องทำใจกับเรื่องนี้เรื่อยมา ผมเหงามาก เหงาเหลือเกินกับการอยู่คนเดียวในบ้านท้ายไร่หลังเล็กๆ เหงาเล่นคนเดียวจนชินและชินกับการนั่งทำการบ้านคนเดียว ชีวิตผมในตอนนั้นยังเด็กมากแต่ก็อดคิดมากไม่ได้เลยสักครั้ง และชอบติดนิสัยนั่งเหม่อลอยเป็นเวลานานจนถึงอายุ 16 ปีแล้ว     ก็ยังไม่หายกับความคิดที่เลื่อยลอยอันไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกับเรือลำเล็กๆลอยอยู่บนแม่น้ำอันกว้างใหญ่อย่างไร้จุดหมายปลายทางของมัน และนั่นทำให้ผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงและคิดมากเกือบตลอดเวลา ด้วยความที่ไม่เคยมีเพื่อนจริงๆเลยสักครั้งทำให้ชินกับการอยู่คนเดียวเป็นประจำ และคิดว่าสักวันหนึ่งผมจะหลุดจากสิ่งเหล่านี้ได้เมื่อเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึงชีวิตของผมเข้าสักวัน และแล้ววันเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผมก็มาถึงอยากที่หวังไว้จริงๆคือการได้กลับมาอยู่กับครอบครัวที่ผมรักอย่างพร้อมหน้ากันอีกครั้ง และผมรู้สึกว่าสิ่งที่ขาดหายไปตั้งแต่เด็กนั้นได้รับการเติมเต็มอีกครั้งคือพ่อกับแม่ผม แม้ว่าฐานะทางครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยเหมือนครอบครัวคนอื่นๆเขา แต่กลับรู้สึกว่ามันมีความสุขเหลือเกินกับการใช้ชีวิต ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของผมตอนนี้ฐานะจะเป็นอย่างไรก็ตาม มีแค่นี้ก็พอแล้ว เมื่อผมเดินกลับบ้านไปพร้อมกับแม่ผมก็ครุ่นคิดถึงอดีตที่อาจจะไม่ได้คิดถึงมันอีกแล้ว เพราะปัจจุบันกับอนาคตจะมาแทนที่มัน และเมื่อผมกับแม่มาถึงบ้านก็ได้เจอพ่อที่นั่งรออยู่ ผมดีใจมากเช่นกันจึงวิ่งเข้าไปกอดพ่อด้วยความคิดถึง เป็นยังไงบ้างลูกสบายดีไหม พ่อคิดถึงคิณมากๆนะลูก ย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ก็ดีแล้วหล่ะนะ พ่อกล่าวขึ้นมา และวันนี้ทำให้ผมมีความสุขมากเหลือเกินและขอบใจกับการจัดสินใจอย่างเด็ดขาดของตัวเอง และแล้วคุณแม่ก็พูดว่า เดี๋ยวแม่เข้าครัวไปทำอาหารก่อนนะลูกมาเหนื่อยๆต้องหิวมากแน่ๆเลย ผมได้ยินเสียงแม่ทำอาหาร เสียงหั่นผัก เสียงผัด ทอด  กลิ่นหอมๆของอาหารก็ได้ลอยผ่านจมูกผม แล้วทำให้ความหิวเกิดขึ้นมา แม่ได้ทำอาหารให้กินหลายอย่างมากจำได้ว่า 5 อย่าง และเราจึงล้อมวงทานอาหารอย่างอร่อย ผมแทบจะจำรสชาติในการทำอาหารของแม่ไม่ได้แล้ว เพราะผมกินอาหารที่แม่ทำมานานมากแล้ว ชีวิตในวัยเด็กตั้งแต่พอเข้าอนุบาลก็ไม่ได้กินอาหารฝีมือแม่อีกเลย เพราะว่าเราต้องอยู่ห่างไกลกันมาก  ผมกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แม่ยังทำกับข้าวอร่อยเหมือนเดิมเลยนะครับ แม้ว่าผมจะลืมรสชาติของมันไปแล้วก็ตาม นานแล้วนะครับที่ผมไม่ได้ทานอาหารฝีมือแม่เลย  มันนานมากผมเอ่ยขึ้น คำคำนี้ถึงกับทำให้แม่ผมหยุดกินไปสักพักและก็ร้องไห้ออกมา เพราะแม่ทำงานในกรุงเทพจนไม่มีเวลากลับไปเยี่ยมลูกเลย แม่เสียใจจริงๆ แม่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่น อย่าเสียใจไปเลยแม่ ตอนนี้อยู่กับพ่อแม่แล้วนะครับ ผมพูดปลอบใจแม่ ผมกลับมาอยู่กับแม่แล้วนะ ผมจะได้ทานอาหารที่แม่ทำให้กินทุกวันเลย ชดเชยกับที่ตอนเด็กผมไม่ได้กินอาหารฝีมือแม่มานานก็แล้วกันนะครับ แม่ผมก็หยุดร้องไห้และมาลูบหัวผมและยิ้มอ่อนๆให้ พ่อผมก็ยิ้มเหมือนกัน เมื่อผมทานข้าวเสร็จแล้วกำลังจะเก็บจานชามไปล้าง  เดี๋ยวแม่ทำเอง ลูกไปอาบน้ำก่อนเถอะนะ เดินทางมาเหนื่อยๆและอากาศก็ร้อน แล้วเรามานั่งคุยกันว่าจะทำยังไงต่อ แม่เอ่ยขึ้น ผมเก็บสัมภาระของตัวเองขึ้นข้างบนแล้วเตรียมตัวลงมาอาบน้ำ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เอื้องกุหลาบกระเป๋าเปิด

                                                                  ( Photo by  http://board1.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=18...