วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

บทที่ 3 เด็กชายกับความหวัง


กรุงเทพเมืองใหญ่ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันว่าจะได้มาอยู่และทำงานที่นี่  รวมทั้งผมเองด้วย แต่ตอนนี้การมาที่นี่ทำให้ความหวังของผมเป็นจริงแล้วส่วนหนึ่ง   จะทำยังไงต่อไปดีนะผมครุ่นคิดเรื่องนี้อีกครั้งระหว่างอาบน้ำ ได้แต่บอกกับตัวเองว่า เอาน่าเมื่ออาบน้ำเสร็จเดี๋ยวค่อยนั่งปรึกษาพ่อกับแม่เองแล้วกันว่าท่านจะว่าอย่างไรกับการตัดสินใจของผมและการเริ่มต้นใหม่ที่จะทำตามสิ่งที่หัวใจของผมต้องการ อาบน้ำเสร็จแล้วผมก็รีบแต่งตัวทันที  คิณอาบน้ำเสร็จหรือยังลูกเสียงเรียกของแม่ก็ดังขึ้น เสร็จแล้วครับแม่  ผมกำลังลงไป ผมแต่งชุดที่เบาสบายๆเพราะอากาศที่ร้อน แล้วในบ้านก็ไม่มีแอร์ซะด้วย เด็กชายยืนจ้องมองท้องฟ้ายามพลบค่ำที่ความมืดของวันมาเยือนอีกครา มีเพียงในบ้านเท่านั้นที่สว่างไสวด้วยแสงไฟ ในห้องนั่งเล่น มีเพียงพ่อกับแม่ นั่งปรึกษากันเรื่องผมว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปเพราะผมไม่ได้เรียนต่อแล้ว ตึ๊ก ตึ๊ก เสียงก้าวเดินลงบันไดดังขึ้น มาแล้วครับ เด็กชายเอ่ยขึ้น แล้วคิณคิดว่าจะเรียนต่อไหมล่ะลูก พ่อผมเอ่ยถาม ผมคิดว่าผมไม่เรียนแล้วครับพ่อ มันสร้างภาระและปัญหาหนักให้กับผมอย่างมากมายตั้งแต่เด็กจนโต ผมจำได้ว่าตั้งแต่ผมเรียนมา   มันไม่เคยมีคำว่าอิสระแห่งการทำตามฝันให้ตัวผมเองเลยสักครั้ง และสิ่งที่อาจารย์สอนในวิชาต่างๆนั้น ก็ไม่สามารถนำเอามันมาใช้ในชีวิตจริงๆได้เลย ผมจึงไม่เห็นความสำคัญของการเรียนในระบบอีกต่อไปแล้วครับพ่อ งั้นคิณจะทำงานเลยเหรอลูก  คิณยังอายุไม่ถึง 18ปี เลยนะ ที่ทำงานส่วนใหญ่จะรับแต่เด็กที่อายุ 18 ปีขึ้นไป แม่พูดขึ้นกับใบหน้าที่กังวล   ผมตัดสินใจแล้วครับแม่ว่าจะพยายามหางานทำ งานที่ยังรับเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี เช่น งานพาร์ททามต่างๆ พ่อกับแม่ก็ยิ้มให้และเข้าใจกับความฝันในทางก้าวเดินต่อไปของผม  เอาล่ะถ้าลูกสบายใจพ่อกับแม่ก็ดีใจด้วยจ่ะ อืม เสียงแม่เอ่ยขึ้นพลางมองไปที่นาฬิกา เอ๊ะนี่ ...!!!           หกโมงเย็นแล้วไวจังเลย จะไปไหนครับ เด็กชายเอ่ยขึ้นทำหน้าสงสัย  แม่จะไปซื้อของที่ในห้างน่ะ งั้นผมขอไปด้วยนะ จะไปช่วยแม่ถือของ ได้สิจ๊ะแม่อนุญาต เมื่อผมรู้ว่าจะได้ไปเดินห้างผมดีใจมากๆ เพราะเคยเห็นห้างใหญ่แค่ในโทรทัศน์แต่ไม่เคยเห็นห้างจริงๆสักครั้ง ผมตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นี่จะเป็นครั้งแรกสินะที่จะได้ไปเดินเที่ยวห้าง ผมดีใจกระโดดโลดเต้นออกมาและยิ้มอย่างมีความสุข อย่าลืมซื้อแหนมแท่งมาด้วยนะแม่ เสียงพ่อดังขึ้นย้ำเตือน      พ่อผมชอบกินแหนมมากครับ และผมกับแม่ก็เดินออกจากซอยมาถึงป้ายรถเมล์ที่เดิม แม่ครับห้างที่เราจะไปชื่อว่าอะไรครับ เด็กชายถาม ชื่อว่าเซ็นทรัลลาดพร้าวจ่ะ ชั้นที่เราจะไปเป็นชั้นล่างสุดเป็นโซนอาหาร อาหารถูกและมีหลากหลายราคา แม่เอ่ยขึ้น ห้างเซ็นทรัลนี้มันต้องใหญ่มากแน่ๆ ผมพูดตามประสาเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่พอจะนึกได้ แม่ลูกคุยกันตามประสา ระหว่างยืนรอรถเมล์  บรื้นนนน เสียงดังมาแต่ไกล คิณรถเมล์มาแล้วลูกแม่พูดพร้อมโบกมือเป็นสัญญาณ เอี๊ยดดด เสียงเบรคดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออกอย่างไว ทำให้เด็กชายกับแม่รีบก้าวเท้าขึ้นรถเมล์อย่างรวดเร็ว สวัสดีค่ะเชิญค่ะ เสียงกระเป๋ารถเมล์กล่าวทักทาย ลงป้ายไหนคะ ลงเซ็นทรัลลาดพร้าวสองคนค่ะ แม่พูดพร้อมยื่นเงินให้กระเป๋ารถเมล์ ขอบคุณค่ะกระเป๋ารถเมล์เอ่ย   เอ... แม่ครับผมจำได้ว่าเป็นสายเดียวกับที่ผมขึ้นเมื่อบ่ายนี้ตอนที่มาถึงกรุงเทพนี่ครับ รถเมล์สายนี้ผ่านห้างเซ็นทรัลด้วยเหรอ สงสัยที่ผมนั่งผ่านจะไม่ได้สังเกต แม่ตอบว่าใช่จ่ะ ดีจังคุณแม่ผมเอ่ยขึ้น แปลกจังวันนี้มีที่นั่งเยอะ ปกติแล้วที่นั่งจะเต็มตลอดคนที่ขึ้นรถเมล์สายนี้ส่วนใหญ่จะไปลงที่ห้างนี้  ผมบอกกับแม่ว่าดีจังครับอยากให้ถึงห้างเซ็นทรัลเร็วๆจัง ความตื่นเต้นอยากเดินห้างของเด็กชายกับความหวังในกรุงเทพได้เริ่มต้นขึ้นและหารู้ไม่ว่าที่นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ชีวิตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เอื้องกุหลาบกระเป๋าเปิด

                                                                  ( Photo by  http://board1.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=18...